ปัจจุบันตลาดเฟอร์นิเจอร์ถือได้ว่ามีขนาดใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ และมีผู้ผลิตหน้าใหม่เกิดขึ้นเพิ่มทุกปี ทั้งแบบที่มีแบรนด์และช่องทางการจัดจำหน่ายของตัวเอง แบบที่แตกไลน์มาจากธุรกิจอื่นๆ(เพิ่มไลน์เฟอร์นิเจอร์เข้ามาเป็นอีกหนึ่งผลิตภัณฑ์ของตัวเอง โดยอาจปั้นเป็นแบรนด์ลูกขึ้นมา) และแบบผู้ผลิตที่เน้นการผลิตเพื่อส่งต่อให้กับร้าน หรือแบรนด์อื่นนำไปจัดจำหน่ายอีกที ซึ่งด้วยความที่ตลาดมีขนาดใหญ่ขึ้น และมีการแข่งขันที่สูงขึ้นเรื่อยๆ นี่เอง ทำให้มีข้อดีตรงที่ผู้บริโภค หรือลูกค้าอย่างเราที่ต้องการเลือกซื้อเลือกหาเฟอร์นิเจอร์มาตกแต่งบ้านมีตัวเลือกที่เยอะตามไปด้วยอย่างเช่นชั้นวางของติดพนัง ชั้นวางหนังสือ และอีกมากมาย และช่วงราคาจำหน่ายก็มีความยืดหยุ่นขึ้นด้วย เรียกว่าสามารถเลือกหาเฟอร์นิเจอร์ประเภทเดียวกัน ฟังก์ชั่นใช้งานใกล้เคียงกันได้ในระดับราคาที่หลากหลายมากขึ้นทำให้วางแผนใช้งบในการตกแต่งบ้านได้ง่ายขึ้นด้วยนั่นเอง
อย่างไรก็ตามแม้ว่าโดยภาพรวมการแข่งขันในตลาดเฟอร์นิเจอร์ที่สูงขึ้นเรื่อยๆ ดูจะเป็นประโยชน์สำหรับลูกค้าอย่างเรา แต่ขณะเดียวกันก็มีข้อเสีย ซึ่งก็คือทำให้เราเลือกซื้อเลือกหาเฟอร์นิเจอร์ที่คุณภาพตรงตามสเปคที่เราต้องการยากขึ้นตามไปด้วย โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับคนที่ต้องการมองหาเฟอร์นิเจอร์ในงบประหยัด ซึ่งจำเป็นต้องมองหาตัวเลือกจากแบรนด์ผู้ผลิตหน้าใหม่ หรือผู้ผลิตที่เน้นแข่งขันด้วยกลยุทธ์ด้านราคา ไม่เน้นทำการตลาดหรือปั้นแบรนด์ให้แข็งแกร่งแต่อย่างใด ซึ่งแน่นอนว่าย่อมมีทั้งผู้ผลิตที่ผลิตสินค้าได้มีคุณภาพและผู้ผลิตที่ผลิตสินค้าไม่มีคุณภาพปะปนกันอยู่ ในบทความนี้จึงได้นำเอาข้อควรระวัง และเทคนิคในการเลือกซื้อเลือกหาเฟอร์นิเจอร์งบประหยัดจากแบรนด์ในท้องตลาดทั่วไปมาแนะนำกัน
ควรเลือกเฟอร์นิเจอร์ที่มีขนาดได้มาตรฐาน โดยทั่วไปแล้วเฟอร์นิเจอร์ชิ้นต่างๆ มักจะมีช่วงขนาดมาตรฐานที่เข้าใจโดยทั่วกันว่าเป็นช่วงขนาดที่เหมาะสมสำหรับการใช้งานฟังก์ชั่นนั้นๆ อย่างเช่น โต๊ะทำงานหรือเก้าอี้แม้ว่าแต่ละแบรนด์อาจจะดีไซน์ออกมามีขนาดคลาดเคลื่อนกันไปตามเอกลักษณ์ หรือแนวคิดการออกแบบของแบรนด์ตัวเองบ้างเล็กน้อย ซึ่งช่วงขนาดที่เป็นมาตรฐานนี้เองจะทำให้การใช้สอยเฟอร์นิเจอร์ชิ้นนั้นๆ สะดวก แมตช์กับของตกแต่ง หรือเฟอร์นิเจอร์ชิ้นอื่นๆ ได้ง่าย ไม่รู้สึกว่าติดขัด หรือใช้งานฟังก์ชั่นใดๆ ได้ไม่ถนัด ซึ่งเฟอร์นิเจอร์จากแบรนด์หน้าใหม่ หรือผู้ผลิตรายใหม่ๆ ที่เน้นจำหน่ายสินค้าในราคาประหยัดเองก็มักจะเลือกกำหนดขนาดสินค้าให้อยู่ในช่วงขนาดมาตรฐานเช่นกัน แต่อาจจะมีบางแบรนด์ที่ไม่ได้กำหนดขนาดให้อยู่ในช่วงขนาดมาตรฐาน ซึ่งอาจจะด้วยเหตุผลเรื่องของการควบคุมต้นทุน การลดขนาดวัสดุเพื่อให้สามารถแข่งขันด้านราคาได้มากขึ้น หรือข้อจำกัดของวัสดุบางประเภทที่เลือกใช้ในการผลิต ดังนั้นเราจึงจะได้เห็นเฟอร์นิเจอร์ที่มีขนาด หรือสัดส่วนแตกต่างไปจากที่เราคุ้นเคยวางจำหน่ายปะปนกันอยู่ในตลาดได้ ในการเลือกซื้อเลือกหาจึงควรตรวจเช็คขนาดให้ดีก่อนว่าอยู่ในช่วงขนาดมาตรฐาน หรือเหมาะสมกับลักษณะการใช้งานที่เราต้องการหรือเปล่า
ตรวจเช็คงานประกอบว่ามีความเรียบร้อยแน่นหนาพอหรือไม่ ปัจจุบันเฟอร์นิเจอร์ส่วนใหญ่ที่วางจำหน่ายในตลาดทั่วไป มักจะผลิตออกมาแบบแยกชิ้นส่วน เพื่อให้ง่ายต่อการขนส่ง เคลื่อนย้าย ซึ่งก็ถือเป็นข้อดีของลูกค้าขณะเลือกซื้อเลือกหาเช่นกัน เพราะสามารถขนกลับได้สะดวก โดยไม่จำเป็นต้องพึ่งพาบริการขนส่งของทางร้าน หรือบริษัทขนส่งใดๆ แต่ขณะเดียวกันก็อาจตามมาด้วยปัญหาในส่วนของขั้นตอนการประกอบได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับเฟอร์นิเจอร์ที่วางจำหน่ายในราคาประหยัดสำหรับเป็นทางเลือกให้ผู้ที่ต้องการจำกัดงบประมาณในการตกแต่งบ้าน ซึ่งแม้ว่าผู้ผลิตเฟอร์นิเจอร์หลายๆรายจะผลิตสินค้าออกมาได้มีคุณภาพในระดับที่น่าพอใจ แต่ก็มีผู้ผลิตบางรายที่เลือกวิธีลดต้นทุนได้ไม่เหมาะสมนัก เช่น การลดอุปกรณ์ ชิ้นส่วนที่จำเป็นในขั้นตอนการประกอบ ไม่ว่าจะเป็นน็อต หมุดยึดชิ้นส่วนต่างๆ ซึ่งมีผลทำให้ความเรียบร้อยแน่นหนาของเฟอร์นิเจอร์ชิ้นนั้นๆหลังการประกอบลดน้อยลงได้ ดังนั้นก่อนการตัดสินใจเลือกซื้อจึงควรตรวจเช็คความเรียบร้อยในงานประกอบจากตัวอย่างที่ประกอบไว้แล้วก่อนว่า มีความแน่นหนาเพียงพอไหม จำนวนน็อต หรือหมุดยึดชิ้นส่วนต่างๆ เป็นไปตามมาตรฐานที่ควรจะเป็นหรือไม่