มือจับเฟอร์นิเจอร์มีกี่ประเภท? เจาะลึกดีไซน์ ฟังก์ชัน และการเลือกใช้งานที่เหมาะสม
การเลือก “มือจับเฟอร์นิเจอร์” อาจดูเหมือนเป็นเรื่องเล็กน้อยในสายตาหลายคน แต่แท้จริงแล้ว มือจับมีบทบาทสำคัญในการเสริมความสวยงาม ฟังก์ชัน และความสะดวกในการใช้งานของเฟอร์นิเจอร์ชิ้นต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นตู้เสื้อผ้า โต๊ะทำงาน หรือลิ้นชักในห้องครัว บทความนี้จะพาคุณไปทำความเข้าใจเกี่ยวกับประเภทของมือจับ การเลือกใช้ให้เหมาะกับเฟอร์นิเจอร์ และการจับคู่กับสไตล์บ้านหรือออฟฟิศอย่างมีรสนิยม เพื่อให้คุณสามารถตัดสินใจเลือกได้อย่างชาญฉลาด และตอบโจทย์การใช้งานในชีวิตประจำวันมากที่สุด
ประเภทของมือจับเฟอร์นิเจอร์ที่ควรรู้
1. มือจับแบบบาร์ (Bar Handle)
มือจับชนิดนี้เป็นรูปแบบที่พบเห็นได้บ่อยในเฟอร์นิเจอร์สมัยใหม่ โดยมีลักษณะเป็นแท่งยาวที่ติดตั้งยึดไว้ทั้งสองด้านกับบานประตูหรือลิ้นชัก เหมาะอย่างยิ่งกับการใช้งานที่ต้องการความแข็งแรงและความถนัดในการจับเปิด-ปิด เช่น ตู้เสื้อผ้าในห้องนอน ตู้ลิ้นชักในห้องครัว หรือโต๊ะทำงานในออฟฟิศ
ข้อดี: การออกแบบเรียบง่าย จับถนัดมือ และมีให้เลือกหลายขนาด วัสดุที่นิยม ได้แก่ อลูมิเนียม สแตนเลส และเหล็กพ่นสีฝุ่น ซึ่งไม่เพียงแต่แข็งแรงทนทาน ยังช่วยเพิ่มความทันสมัยให้เฟอร์นิเจอร์ได้เป็นอย่างดี
2. มือจับแบบปุ่ม (Knob Handle)
มือจับทรงปุ่มเป็นดีไซน์ที่เน้นความกะทัดรัด ติดตั้งเพียงจุดเดียว เหมาะกับลิ้นชักขนาดเล็ก ตู้เก็บของ หรือเฟอร์นิเจอร์ตกแต่งบ้าน เช่น โต๊ะข้างเตียง ตู้โชว์ หรือเฟอร์นิเจอร์เด็ก
ข้อดี: ใช้งานสะดวก ติดตั้งง่าย และสามารถเพิ่มความน่ารักหรือความคลาสสิกให้กับเฟอร์นิเจอร์ได้ โดยเฉพาะถ้าเลือกวัสดุอย่างเซรามิก แก้ว หรือไม้แกะสลัก จะยิ่งเสริมเสน่ห์ให้กับพื้นที่ภายในบ้าน
3. มือจับแบบซ่อน (Handleless)
สำหรับผู้ที่ชื่นชอบความเรียบหรูและดีไซน์ที่ดูสะอาดตา มือจับแบบซ่อนถือเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจที่สุด เพราะไม่มีชิ้นส่วนยื่นออกมาให้เห็น มักพบในเฟอร์นิเจอร์ห้องครัว หรือบานตู้บิวท์อินแบบสมัยใหม่
ข้อดี: ทำให้พื้นผิวของเฟอร์นิเจอร์ดูต่อเนื่องและไร้รอยต่อ ลดการสะสมฝุ่น และเพิ่มความปลอดภัยในการใช้งาน เหมาะกับบ้านที่มีเด็กเล็ก หรือเน้นความมินิมอลเป็นหลัก
4. มือจับแบบฝัง (Recessed Handle)
ดีไซน์ของมือจับแบบฝัง คือการเว้าลงไปในแผ่นไม้หรือวัสดุที่ใช้ทำบานตู้ ซึ่งช่วยให้ไม่มียื่นออกมาเกะกะสายตาหรือเป็นอุปสรรคในการเคลื่อนที่
ข้อดี: เหมาะกับการใช้งานในพื้นที่แคบ เช่น ตู้เสื้อผ้าในคอนโด หรือลิ้นชักใต้โต๊ะทำงาน ช่วยลดโอกาสเกิดการกระแทกหรือเกี่ยวเสื้อผ้า อีกทั้งยังช่วยให้ดูเป็นระเบียบมากขึ้น
5. มือจับแบบคลาสสิก (Classic Handle)
ถ้าคุณชื่นชอบความวินเทจหรือกลิ่นอายของความหรูหราในแบบยุโรป ด้ามจับแบบคลาสสิกที่มักมีลวดลายหรูหรา สีทอง ทองเหลือง หรือสัมผัสของโลหะโบราณ คือตัวเลือกที่ไม่ควรมองข้าม
ข้อดี: ช่วยเพิ่มจุดเด่นให้กับเฟอร์นิเจอร์อย่างชัดเจน เหมาะกับตู้โชว์ ตู้บานเปิด หรือโต๊ะที่ต้องการสร้างเอกลักษณ์เฉพาะตัว มักใช้คู่กับเฟอร์นิเจอร์ไม้แท้หรืองานฝีมือ
วิธีเลือกมือจับให้เหมาะกับเฟอร์นิเจอร์แต่ละประเภท
ตู้เสื้อผ้า
ควรเลือกมือจับที่แข็งแรงและยาวพอที่จะเปิด-ปิดได้ง่าย โดยเฉพาะในกรณีที่ต้องเปิดพร้อมกันสองบาน การใช้มือจับแบบบาร์หรือแบบคลาสสิกจะช่วยให้ใช้งานได้สะดวกและยังเพิ่มความสวยงามให้กับห้องนอนได้อีกด้วย นอกจากนี้ควรคำนึงถึงความสูงในการติดตั้ง เพื่อให้ทุกคนในบ้านสามารถใช้งานได้อย่างสะดวก
โต๊ะทำงาน
สำหรับโต๊ะทำงานในออฟฟิศหรือห้องทำงานที่บ้าน ควรเลือกมือจับที่มีดีไซน์เรียบง่าย ไม่สะดุดสายตา เพื่อไม่ให้รบกวนการทำงาน เช่น มือจับแบบฝังหรือแบบซ่อน ซึ่งนอกจากจะดูทันสมัย ยังช่วยลดความเสี่ยงจากการชนหรือเกี่ยวขณะเดินผ่านอีกด้วย
ลิ้นชัก
ลิ้นชักที่ใช้งานบ่อย เช่น ในห้องครัว ห้องน้ำ หรือโต๊ะเครื่องแป้ง ควรใช้มือจับแบบบาร์ เพราะให้ความแข็งแรง จับถนัด แม้ในขณะที่มือเปียก สำหรับลิ้นชักที่มีฟังก์ชันตกแต่งหรือไม่ค่อยได้ใช้งาน อาจเลือกใช้แบบปุ่มหรือแบบคลาสสิกเพื่อเพิ่มความงามโดยไม่เน้นฟังก์ชันมากนัก
เทคนิคจับคู่สีและวัสดุมือจับกับสไตล์บ้าน/ออฟฟิศ
บ้านสไตล์โมเดิร์น
เฟอร์นิเจอร์สไตล์โมเดิร์นควรจับคู่กับมือจับสีดำด้าน หรือสีเงินโครเมียม เพื่อเสริมความรู้สึกทันสมัย เรียบเท่ และมีความหรูหราในตัว หากใช้ร่วมกับวัสดุอย่างไม้ MDF หรือเมลามีน จะช่วยให้ดูลงตัวอย่างมาก
บ้านสไตล์วินเทจหรือคลาสสิก
ควรเลือกมือจับที่มีลวดลายหรือดีไซน์ซับซ้อน เช่น ดอกไม้ ลายเกลียว วัสดุที่นิยมคือทองเหลืองรมดำ ทองแดง หรือเซรามิกพิมพ์ลาย เพื่อให้เข้ากับไม้แท้หรือเฟอร์นิเจอร์สไตล์ย้อนยุคได้อย่างลงตัว
ออฟฟิศหรือสำนักงาน
ความเป็นมืออาชีพและความเรียบร้อยคือสิ่งสำคัญ มือจับสีเทาเข้ม ดำ หรือเงินเงาจะช่วยเสริมบุคลิกที่เป็นทางการและเรียบหรู พร้อมทั้งมีความทนทานในการใช้งานต่อเนื่องอีกด้วย
สรุป
มือจับเฟอร์นิเจอร์เป็นองค์ประกอบเล็ก ๆ ที่ส่งผลใหญ่ทั้งต่อความสวยงามและการใช้งานของพื้นที่ การเลือกประเภทให้เหมาะสมกับฟังก์ชัน การดีไซน์ที่กลมกลืนกับสไตล์บ้าน รวมถึงความทนทานของวัสดุ ล้วนมีผลต่อประสบการณ์ในการใช้งานเฟอร์นิเจอร์ในชีวิตประจำวัน

