หากใครที่กำลังมองหาการตกแต่งห้อง หรืออยากจะตกแต่งบ้าน ไม่ว่าจะเป็นการเพิ่มเติม หรือการตกแต่งบ้านใหม่ สิ่งที่สำคัญมากที่สุดในบ้าน ที่จะทำให้ออกมาในรูปแบบใด ก็เห็นจะเป็นการใช้เฟอร์นิเจอร์ แน่นอนว่าการใช้เฟอร์นิเจอร์ในการตกแต่ง เราจะทำออกมาอย่างไรนั้นก็มีอยู่ด้วยกัน 2 รูปแบบ นั่นก็คือเฟอร์นิเจอร์แบบลอยตัว ซึ่งก็มีข้อดีคือสามารถที่จะเคลื่อนย้ายได้อย่างสะดวกและง่ายดาย และอีกรูปแบบ คือแบบที่เราเรียกว่าเฟอร์นิเจอร์แบบบิ้วอิน ซึ่งเป็นรูปแบบที่ค่อนข้างน่าสนใจ คือถึงแม้ว่าจะเคลื่อนย้ายไปไหนมาไหนไม่ได้ แต่ก็ให้ความรู้สึกที่หรูหรา
และในวันนี้เอง เราจะมาคุยกันเรื่องของเฟอร์นิเจอร์บิ้วอิน ว่าด้วยเรื่องของการเลือกนำมาใช้งาน และลักษณะการใช้งาน เราจะเลือกโดยใช้อะไรเป็นเกณฑ์ใดบ้าง รวมถึงลักษณะการใช้งานเป็นอย่างไร และข้อดีกับข้อด้อย ซึ่งเป็นสิ่งที่คนที่จะตกแต่งบ้านควรจะรู้ไว้ เพื่อนำมาประกอบการพิจารณาการเลือกใช้งาน
เฟอร์นิเจอร์แบบบิ้วอิน
หากจะให้อธิบายให้เข้าใจได้อย่างง่ายที่สุดเลย เฟอร์นิเจอร์แบบบิ้วอิน นั่นก็คือแบบที่สั่งทำมา โดยที่จะเน้นไปที่ขนาดที่พอดีพอเหมาะเจาะจงกับพื้นที่ และดีไซน์ที่ค่อนข้างจะตรงกับความต้องการของเจ้าของบ้านโดยตรง โดยที่จะยึดติดกับพื้นที่นั้นๆ ไปเลยอย่างเช่นชั้นวางของติดผนัง
ลักษณะการใช้งาน
วิธีการที่เราจะใช้ในรูปแบบนี้ ขั้นตอนแรกคือเราจำเป็นที่จะต้องวัดขนาดพื้นที่ของเรา ทั้งในส่วนของความกว้าง ความลึก ความสูง ไม่เพียงเท่านั้น เรายังต้องคำนึงถึงตำแหน่งของปลั๊ก และสวิตช์ในบริเวณที่เราจะทำด้วย จากนั้นเราจะทำการเลือกรูปแบบที่ต้องการ ซึ่งในขั้นตอนนี้ส่วนมากจะมีดีไซเนอร์ในการช่วยออกแบบด้วย และจะเป็นการบอกถึงความต้องการคร่าวๆ ของผู้ใช้งานหรือเจ้าของบ้าน
จากนั้นจะทำการเลือกวัสดุปิดผิว ซึ่งตรงนี้จะสามารถใส่ความคิดสร้างสรรค์ได้มากเลยทีเดียว เพราะมีวัสดุที่มีความมากมายหลากหลายแตกต่างกันออกไป ยกตัวอย่างเช่นลามิเนตที่มีลายเป็นไม้ จะเป็นไม้แบบอ่อนหรือไม้แบบเข้ม ก็แล้วแต่จะเลือกใช้งานสามารถที่จะดีไซน์ให้เข้ากับห้องได้อย่างง่ายดาย หรืออาจจะเป็นลามิเนตลายหิน หรืออาจจะเป็นลายคอนกรีต
ข้อดีของแบบบิ้วอิน
ข้อดีที่เห็นได้อย่างเด่นชัดเลยคือ เฟอร์นิเจอร์จะถูกออกแบบมา และติดตั้งมาให้พอดีกับพื้นที่และการใช้สอย โดยส่วนมากแล้วแบบบิ้วอิน ประเภทตู้เสื้อผ้า หรือตู้เก็บของที่มักวางไว้ในห้องนั่งเล่น มักจะถูกออกแบบให้สูงชนฝ้าเพดานไปเลย ทำให้สามารถใช้พื้นที่ในตู้ได้อย่างเต็มที่ และลดบริเวณที่อาจจะเกิดฝุ่น ที่สำคัญที่สุดคือดูสวย
อาจที่จะเพิ่มความน่าสนใจในแง่ของการดีไซน์ไปได้ด้วยเหมือนกัน ยกตัวอย่างเช่น อาจที่จะออกแบบตู้ให้เนียนเป็นสูตรเดียวกับผนัง และสามารถที่จะเลือกรูปแบบและวัสดุได้หลากหลายตามต้องการ ยกตัวอย่างเช่น อาจจะเลือกเคาน์เตอร์บาร์ ที่ท็อปด้วยหินอ่อนด้านบน แบบนี้เป็นต้น และที่สำคัญอีกอย่าง คือจะเป็นดีไซน์เฉพาะตัวของเรา ตรงตามความต้องการและมีเอกลักษณ์
ข้อด้อยและข้อจำกัดของแบบบิ้วอิน
เนื่องจากเป็นแบบสั่งทำมาโดยเฉพาะ ดังนั้นจึงมีข้อจำกัด คือเรื่องของขั้นตอนในการผลิตที่ค่อนข้างยุ่งยาก อีกอย่างหากเป็นแบบบิ้วอิน จะไม่ค่อยเอื้อต่อการเคลื่อนย้ายหรือปรับเปลี่ยนโครงสร้างในภายหลัง รวมถึงในเรื่องของการรื้อถอนก็ค่อนข้างที่จะยุ่งยากเช่นเดียวกัน อีกอย่างค่าใช้จ่ายค่อนข้างสูง เมื่อนำมาเทียบกับแบบลอยตัว ไม่ใช่แค่ค่าเฟอร์นิเจอร์เท่านั้น แต่ยังเป็นค่าจ้างผู้รับเหมา ค่าจ้างอินทีเรียดีไซน์เนอร์ สำหรับการออกแบบและการเขียนแบบด้วย สุดท้ายคือ ระยะเวลาสำหรับการติดตั้งและออกแบบ แน่นอนว่าจะนานกว่าแบบลอยตัว ดังนั้นหากจะเลือกแบบบิ้วอิน อยากให้คิดให้ดีเสียก่อน ถึงจะน่าสนใจและสวยงาม แต่ก็มีข้อจำกัดบางประการเหมือนกัน