สำหรับคนที่กำลังมองหาเฟอร์นิเจอร์เอาไว้สำหรับในการตกแต่งบ้าน หรืออาจเลือกเฟอร์นิเจอร์ไว้สำหรับตกแต่งสำนักงาน หรือจะสถานที่ไหนก็ตาม นอกจากสิ่งที่ต้องพิจารณาคือเรื่องของดีไซน์ ขนาด ความสวยงาม ประโยชน์ในการใช้สอย รวมถึงความชอบส่วนตัวแล้ว สิ่งที่ต้องคำนึง ให้ความสำคัญ และทำความเข้าใจอีกอย่างหนึ่งคือ เฟอร์นิเจอร์มีประเภทที่แตกต่างกันด้วยนะ แล้วประเภทของเฟอร์นิเจอร์นั้นมีอะไรบ้าง เราจะเลือกใช้
สำหรับคนที่กำลังมองหาเฟอร์นิเจอร์เอาไว้สำหรับในการตกแต่งบ้าน หรืออาจเลือกเฟอร์นิเจอร์ไว้สำหรับตกแต่งสำนักงาน หรือจะสถานที่ไหนก็ตาม นอกจากสิ่งที่ต้องพิจารณาคือเรื่องของดีไซน์ ขนาด ความสวยงาม ประโยชน์ในการใช้สอย รวมถึงความชอบส่วนตัวแล้ว สิ่งที่ต้องคำนึง ให้ความสำคัญ และทำความเข้าใจอีกอย่างหนึ่งคือ เฟอร์นิเจอร์มีประเภทที่แตกต่างกันด้วยนะ แล้วประเภทของเฟอร์นิเจอร์นั้นมีอะไรบ้าง เราจะเลือกใช้ให้เหมาะสมกับการใช้งานได้อย่างไร แต่ละแบบมีข้อดีและข้อเสียแตกต่างกันอย่างไร แล้วเราใช้แทนกันได้หรือไม่ รวมถึงเรามีวิธีการแบ่งประเภทของเฟอร์นิเจอร์อย่างไร วันนี้เราจะมาดูกัน
โดยปกตินั้น การแบ่งประเภทของเฟอร์นิเจอร์นั้นค่อนข้างง่ายดาย โดยมีวิธีการแบ่งเฟอร์นิเจอร์ออกเป็น 2 ประเภทใหญ่ๆ ดังนี้
แบ่งตามลักษณะการติดตั้ง
วิธีการแบ่งในแบบแรก เราจะแบ่งตามลักษณะในการติดตั้งเฟอร์นิเจอร์นั้น โดยการติดตั้งที่เรานำมาพิจารณา คือการติดตั้งแบบถาวร และผู้ใช้งานไม่สามารถที่จะเคลื่อนย้ายได้ หรือที่เราเรียกกันอย่างติดปากว่า แบบบิ้วอิน และอีกประเภทหนึ่ง คือแบบที่เราวางตั้งธรรมดา ประเภทนี้เราจะเรียกกันอย่างติดปากว่า แบบลอยตัว
แบบแรกคือ แบบประกอบติดกับตัวอาคาร หรือที่เราเรียกกันอย่างติดปากว่าแบบบิ้วอิน เป็นโต๊ะหรือตู้ที่เราผู้ใช้งานไม่สามารถขนย้ายได้ด้วยตัวเอง ยกตัวอย่างเช่น ตู้ติดผนัง หากมีการเคลื่อนย้าย อาจทำให้มีความเสียหายเกิดขึ้นได้ไม่ใช่แค่เพียงตัวตู้ แต่เป็นตัวผนังอาคารด้วย เหมาะสมสำหรับใช้ในอาคารบ้านพักอาศัย และใช้ในสำนักงาน แต่แน่นอนว่า ผู้ใช้งานจะต้องแน่ใจและติดตั้งไว้ตลอด ไม่ทำการเคลื่อนย้ายใดๆ
อีกแบบเราเรียกว่าแบบลอยตัว เป็นแบบที่ทำสำเร็จมาจากโรงงาน โดยจะมีการผลิตในระบบอุตสาหกรรม ดังนั้นโต๊ะหรือตู้ประเภทนี้ เราจึงสามารถที่จะหยิบจับและเคลื่อนย้ายได้ตามความต้องการของตัวผู้ใช้งาน เหมาะสมเช่นกันสำหรับใช้ในอาคารบ้านพักอาศัย และใช้ในสำนักงาน สามารถที่จะยกไปไหนมาไหน และเปลี่ยนตำแหน่งได้ตามใจผู้ใช้งาน เหมาะสมอย่างยิ่งสำหรับคนขี้เบื่อ และชอบที่จะจัดมุมบ้านใหม่อยู่ตลอดเวลา เพื่อเปลี่ยนบรรยากาศของบ้าน หรือออฟฟิศสำนักงานไปเป็นอีกแบบ
แบ่งตามสถานที่ใช้งาน
การแบ่งแบบที่สอง คือการแบ่งตามลักษณะสถานที่ใช้งาน เราจะใช้เกณฑ์พิจารณาว่า โต๊ะหรือตู้ชิ้นใด สมควรที่จะนำไปตั้งอยู่ที่ใด ควรที่จะไปวางไว้ในอาคารหรือข้างนอกอาคาร โดยปกติจะแบ่งย่อยไปได้อีก 3 แบบ ได้แก่ แบบที่ใช้งานในห้อง แบบที่ใช้งานในสำนักงาน และแบบที่ใช้งานในชุมชน
แบบแรกคือแบบที่ใช้งานในห้อง หรืออาจวางไว้ในบ้านพักอาศัย ยกตัวอย่างเช่น ห้องนอน ก็สมควรที่จะมีเตียงนอน โต๊ะเครื่องแป้ง ตู้เสื้อผ้า หรือห้องพักผ่อน ก็สมควรที่จะมีโซฟา อาจจะเป็นชุดรับแขก หรือห้องครัว สมควรที่จะมีเฟอร์นิเจอร์อย่างโต๊ะกินข้าว หรือชั้นวางของเป็นต้น
แบบต่อไป คือแบบที่เราใช้ในสำนักงาน ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นอะไรที่เราคุ้นหน้าคุ้นตากันอยู่แล้ว ยกตัวอย่างเช่น โต๊ะทำงาน เก้าอี้สำนักงาน เก้าอี้หมุน ตู้สำหรับเก็บเอกสาร ชั้นวางหนังสือ หรือโต๊ะผู้บริหารเป็นต้น โดยปกตินั้น หากเป็นแบบที่เรานำมาใช้ในสำนักงาน บางชิ้นหากนำมาตั้งไว้ในบ้าน อาจจะเป็นการไม่เหมาะสมเท่าไหร่นัก แต่บางชิ้นก็สามารถหยิบมาไว้ได้อย่างกลมกลืน
แบบสุดท้าย คือแบบที่ใช้ในชุมชน เนื่องจากส่วนใหญ่แล้วเราวางไว้ข้างนอกอาคาร ดังนั้นจึงจำเป็นที่จะต้องมีความแข็งแรงทนทานต่อการใช้งานในระดับนึง ยกตัวอย่างเช่น เก้าอี้ที่ตั้งอยู่ในสวนสาธารณะ โต๊ะทำงาน หรือชั้นวางสัมภาระต่างๆ และแน่นอนว่า แบบที่ใช้ในชุมชนนั้น ก็ไม่สามารถเข้ากันได้กับแบบที่ใช้งานในห้อง กับแบบที่ใช้งานในสำนักงานเช่นเดียวกัน
