test

มีหลายคนที่สงสัยเกี่ยวกับเฟอร์นิเจอร์ในบ้านกับเฟอร์นิเจอร์สำนักงานมีความแตกต่างกันอย่างไร คำตอบคือไม่ได้แตกต่างมากนัก เฟอร์นิเจอร์ในบ้านสามารถนำมาใช้ในสำนักงานได้ รวมถึงเฟอร์นิเจอร์สำนักงานสามารถนำมาใช้ได้บ้านได้เช่นกัน แต่เฟอร์นิเจอร์ทั้ง 2 แบบ มีความแตกต่างกันเล็กน้อยในเรื่องของรูปร่างและดีไซด์ให้เหมาะกับการนำไปจัดวางในบ้านหรือสำนักงาน การตกแต่งสำนักงานประกอบไปด้วยเฟอร์นิเจอร์ 1 ชิ้นหรือหลายชิ้น ขึ้นอยู่กับพนักงานที่ทำงาน แต่ถ้าเป็นตกแต่งภายในบ้านประกอบไปด้วยการใช้เฟอร์นิเจอร์หลายชิ้นมาผสมรวมกันในแต่ละห้อง โดยวันนี้เราจะมาพูดถึงความแตกต่างเฟอร์นิเจอร์ภายในบ้านและเฟอร์นิเจอร์สำนักงาน เรามาเริ่มกันที่ข้อแรกกันเลย

1.ความแตกต่างในเรื่องของประโยชน์การใช้งาน

ถ้าพูดถึงประโยชน์ในการใช้งานหลากหลายด้าน ต้องยอมรับเฟอร์นิเจอร์สำนักงานสามารถทำได้มากกว่าเฟอร์นิเจอร์ในบ้าน เพราะว่าเฟอร์นิเจอร์สำนักงาน ยกตัวอย่างเช่น โต๊ะทำงาน มีลิ้นชักหรือช่องเก็บของให้สามารถเก็บเอกสาร สิ่งของต่าง ๆ ได้จำนวนมาก และมีขนาดโต๊ะที่ขนาดใหญ่ กลับกันถ้าเป็นโต๊ะในบ้าน จะออกแบบมาเรียบง่าย ประโยชน์ในการใช้งานน้อยกว่าโต๊ะสำนักงาน

2.ความแตกต่างในเรื่องของอายุในการใช้งาน

อายุการใช้งานของเฟอร์นิเจอร์สำนักงานส่วนใหญ่จะมีอายุการใช้งานมากกว่าเฟอร์นิเจอร์ในบ้านถึง 3-4 เท่า เนื่องจากเฟอร์นิเจอร์สำนักงานมีการออกแบบมาให้มีความแข็งแรงทนทาน มีโครงสร้างที่มั่นคง และใช้วัสดุที่ทนทานต่อรอยขีดข่วน ทำให้เฟอร์นิเจอร์สำนักงานได้รับความเสียหายน้อย แต่อย่างไรก็ตามก็ควรตรวจสอบให้แน่ใจในการเลือกซื้อเฟอร์นิเจอร์ ควรใช้วัสดุที่มีความแข็งแรงทนทาน และใช้วัสดุที่มีคุณภาพสูง โดยเฉพาะสำนักงานที่ต้องการหาซื้อเฟอร์นิเจอร์สำนักงานมาใช้ เพราะจะช่วยให้เฟอร์นิเจอร์สำนักงานของคุณสามารถใช้งานได้หลายปี โดยไม่ต้องเปลื้องงบในการเปลี่ยนเฟอร์นิเจอร์สำนักงานบ่อย ๆ

3.ความแตกต่างในเรื่องของขนาดเฟอร์นิเจอร์

โดยส่วนใหญ่เฟอร์นิเจอร์สำนักงานจะมีขนาดใหญ่กว่าเฟอร์นิเจอร์ในบ้าน เนื่องจากการออกแบบของเฟอร์นิเจอร์สำนักงาน มีการออกแบบให้ตอบโจทย์ในการทำงาน เช่น ตู้เก็บของสำรักงานมีขนาดใหญ่เพื่อเพียงพอต่อการเก็บเอกสาร หรือเก้าอี้สำนักงาน มีขนาดใหญ่เพื่อรองรับกับการนั่งสบายในการทำงาน เป็นต้น ดังนั้นหากใครที่อยากซื้อเฟอร์นิเจอร์สำนักงานมาใช้ ตรวจสอบให้แน่ใจว่าพื้นที่ภายในห้องของคุณเพียงพอต่อการวางเฟอร์นิเจอร์หรือไม่ เพื่อไม่ให้ซื้อมาใช้แล้วนำมาจัดวางเกะกะขว้างทางเดิน

4.ความแตกต่างในเรื่องของฟังก์ชั่นในการใช้งาน

เฟอร์นิเจอร์ในบ้านส่วนใหญ่มีฟังก์ชั่นในเรื่องของการตกแต่งพื้นฐาน เช่น โต๊ะทานอาหาร มีฟังก์ชั่นให้คนในครอบครัวเข้ามารับประทานอาหารพร้อมกันได้ และวางภาชนะต่าง ๆ ได้ เป็นต้น แต่อย่างไรก็ตามเฟอร์นิเจอร์สำนักงาน เช่น โต๊ะ ไม่เพียงแค่วางอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์เพียงเท่านั้น เช่น คอมพิวเตอร์ เครื่องปริ้น และเครื่องแฟกซ์ เป็นต้น แต่มีฟังก์ชั่นในการเก็บของ เขียนเอกสาร และทำงานร่วมกันไปทีม ฟังก์ชั่นเหล่านี้มีความสำคัญในการทำงานภายในสำนักงาน ตรวจสอบให้แน่ใจว่าคุณจะต้องการเฟอร์นิเจอร์สำนักงานที่ตรงกับฟังก์ชั่นในการทำงานหรือไม่

เฟอร์นิเจอร์สำนักงานและเฟอร์นิเจอร์ในบ้านมีความแตกต่างกัน และเป็นสาเหตุว่าการเลือกซื้อเฟอร์นิเจอร์สำนักงานมีความยากมากกว่าเฟอร์นิเจอร์ในบ้าน แต่อย่างไรก็ตามเฟอร์นิเจอร์ในบ้านหรือเฟอร์นิเจอร์สำนักงานสามารถนำไปใช้ทั้งในบ้านหริอสำนักงานก็ได้ แต่ต้องตรวจสอบให้แน่ใจก่อนว่าเฟอร์นิเจอร์ที่จะต้องมีความแข็งแรง ใช้วัสดุที่มีคุณภาพ และสามารถใช้งานได้ยาวนานหลายปี เพื่อให้คุ้มค่ากับเงินที่ซื้อมากที่สุด และเฟอร์นิเจอร์สำนักงานกับเฟอร์นิเจอร์ในบ้านมีลักษณะที่แตกต่างกัน ไม่ว่าจะเรื่องของการดีไซด์ หากใครที่อยากซื้อไปตกแต่งบ้านหรือสำนักงาน สามารถเข้าไปซื้อเฟอร์นิเจอร์  ราคาถูก สวย ๆ ให้เลือกได้ภายในเว็บไซต์ของเรา รับประกันในเรื่องของคุณภาพในการใช้งาน และจัดส่งรวดเร็ว

การออกแบบตกแต่งพื้นที่ทำงานในบ้าน เป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งในปัจจุบัน เพราะหลายคนหันมาทำงาน work from home กันมากขึ้น ดังนั้นให้ควรความใส่ใจในเรื่องของพื้นที่ในการทำงาน รวมไปถึงการเลือกใช้เป็นเฟอร์นิเจอร์สำนักงาน เพราะจะช่วยให่คุณมีสมาธิในการทำงานมากยิ่งขึ้น และเพิ่มความสะดวกสบาย ลดความเหนื่อยล้า และยังมีผลดีต่อผลงานที่คุณทำออกมาได้ดียิ่งขึ้น ดังนั้นเราจึงมาแนะนำเคล็ดลับการออกแบบพื้นที่ทำงานในบ้าน ให้น่าอยู่ และตอบโจทย์ในเรื่องของการทำงานได้มากที่สุด ถ้าพร้อมกันแล้วเราไปเริ่มกันที่ข้อแรกกันเลย

1.เริ่มต้นด้วยสภาพแวดล้อมที่ดี

ก่อนที่คุณจะนำเฟอร์นิเจอร์สำนักงานมาตกแต่งภายในห้อง คุณควรมองหาพื้นที่ที่ทำให้คุณรู้สึกผ่อนคลายกับการทำงานมากที่สุด และคำนึงถึงสไตล์งานหรือลักษณะการงานของคุณ คนบางคนต้องยืนเวลาทำงาน เขาจะเลือกโต๊ะที่มีความสูงเพราะจะทำให้เขาสามารถยืนทำงานได้อย่างสะดวก หรือบางคนต้องการวางสิ่งของจำนวนมากภายในห้องเขาจะใช้เป็นห้องที่มีขนาดใหญ่เพื่อเพียงพอต่อการเก็บสิ่งของ หรือบางคนอาจชอบโต๊ะรูปตัวแอล เพื่อให้เขาสามารถเคลื่อนย้ายในการทำงานพร้อมกัน 2 งานได้สะดวก หรือเอาไว้วางจอ 2 จอ เป็นต้น

2.จัดระเบียบพื้นที่ของคุณ

การทำให้พื้นที่ภายในที่ทำงานของคุณดูสะอาด จะช่วยเพิ่มแรงบรรดาใจในการทำงานให้กับคุณในทุก ๆ วัน ตรวจสอบให้แน่ใจว่าคุณทำความสะอาดเฟอร์นิเจอร์ เช่น โต๊ะ เก้าอี้ ตู้เก็บของ เป็นต้น อย่างสะอาดเป็นระเบียบเรียบร้อย รวมไปถึงอุปกรณ์ของใช้ต่าง ๆ เช่น โทรศัพท์มือถือ เครื่องปริ้น โน้ตบุ๊ต เป็นต้น และจัดวางให้เป็นที่เป็นทาง เพื่อง่ายต่อการหยิบมาใช้ได้อย่างสะดวกรวดเร็ว

3.ตกแต่งด้วยต้นไม้

การตกแต่งห้องด้วยดอกไม้จะช่วยให้ให้คุณสามารถทำงานได้อย่างยาวนานและรู้สึกผ่อนคลายได้เป็นอย่างดี ดอกไม้จะช่วยส่งกลิ่นหอม ทำให้บรรยากาศในพื้นที่การทำงานของคุณมีความสดชื่นมากยิ่งขึ้น ดอกไม้ทีนำมาตกแต่งในพื้นที่ทำงาน สามารถเป็นต้นไม้เล็ก หรือต้นไม้ขนาดใหญ่ก็ได้ เพราะจะช่วยเสริมสร้างบรรยากาศที่ดีในที่ทำงานได้เหมือนกัน

4.ออกแบบพื้นที่ส่วนกลาง

พื้นที่ส่วนกลางมีความสำคัญมาก เพราะจะทำให้คุณมีพื้นที่สำหรับเพื่อนร่วมงาน หรือแขกคนสำคัญ ในการทำสิ่งต่าง ๆ เช่น เข้ามาพูดคุยปรึกษาหารือ ใช้เวลาในการในการคิดไอเดียต่าง ๆ และทำความรู้จักเพื่อนร่วมงาน เป็นต้น เราแนะนำให้มีเฟอร์นิเจอร์โต๊ะประชุมเอาไว้ในห้องส่วนซัก 1 โต๊ะ รวมถึงเก้าอี้ ตกแต่งโต๊ะด้วยต้นไม้ จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการประชุมได้อย่างยาวนานมากยิ่งขึ้น

5.เน้นความสะดวกสบาย

เราทราบดีว่าการทำงานทั้งวันไม่ใช่เรื่องที่ดีต่อสุขภาพร่างกายของเรา โดยเฉพาะถ้าเรานั่งบนเก้าอี้ที่ไม่มีคุณภาพ ทำให้เรารู้สึกอึดอัดจนทำให้อยากเอนหลัง และไม่มีสมาธิกับการทำงานได้ การลงทุนเลือกซื้อเก้าอี้สำนักงานหรือเก้าอี้เพื่อสุขภาพเป็นสิ่งที่ดี จะช่วยให้คุณสามารถนั่งทำงานได้ตลอดทั้งวัน และช่วยลดอาการปวดหลังได้ อีกทั้งยังไม่เกิดผลเสียต่อการนั่งทำงานเป็นระยะเวลายาวนานอีกด้วย

6.บรรยากาศอบอุ่นสบาย

ห้องทำงานที่ให้บรรยากาศอบอุ่นสบาย จะช่วยให้คุณจดจ่อกับการทำงานได้ดียิ่งขึ้น ซึ่งพรมตอบโจทย์เป็นอย่างยิ่ง พรมมีให้เลือกหลากหลาย ขนาด ดีไซด์ และสไตล์ เราแนะนำให้เลือกให้เลือกซื้อพรมที่มีขนาดเหมาะกับห้องของคุณ มีโทนสีที่อบอุ่น ลวดราย นอกจากนี้เฟอร์นิเจอร์ที่คุณเลือกใช้ ไม่ว่าจะเป็นโซฟา หรือโต๊ะ ควรใช้เป็นโทนเข้ม จะช่วยเพื่อบรรยากาศภายในห้องของคุณให้มีความอบอุ่นมากยิ่งขึ้น

มีหลายคนที่พยายามอย่างที่ดีที่สุดในการจัดตกแต่งเฟอร์นิเจอร์ภายในบ้าน แต่ไม่ว่าจะพยายามมากเพียงใด บางครั้งก็รู้สึกว่าการจัดเฟอร์นิเจอร์ยังไม่ตรงกับความต้องการที่เราคาดหวังไว้ และเป็นเรื่องที่ยากจะที่หาคำตอบของปัญหาที่ทำให้การจัดตกแต่งเฟอร์นิเจอร์ของเราถึงให้ความรู้สึกอึดอัด โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าคุณไม่ใช้ผู้เชี่ยวชาญออกแบบภายใน จึงเป็นสาเหตุที่หลายคนจะมักจะจ้างผู้เชี่ยวชาญมาช่วยในการตกแต่งมากกว่าการทำด้วยตนเอง เพื่อช่วยให้หลีกเลี่ยงข้อผิดพลากในการจัดตกแต่งเฟอร์นิเจอร์ เราได้รวบรวมข้อมูลจากผู้เชี่ยวชาญออกแบบภายในเพื่อนำมาแบ่งบันให้กับทุกคนในการจัดตกแต่งเฟอร์นิเจอร์ได้อย่างถูกต้องและหลีกเลียงข้อผิดพลาด รวมถึงวิธีการแก้ไข

1.ใช้เฟอร์นิเจอร์มากจนเกินไป

หนึ่งในข้อผิดพลาดหลักที่พบบ่อยมากที่สุดคือการใช้เฟอร์นิเจอร์จำนวนมากจนเกินไป คุณควรให้ความสำคัญในเรื่องของพื้นที่เป็นอันดับแรก ภายในห้องควรไม่รู้สึกคับแคบจนเกินไป ยกตัวอย่างเช่นหากห้องนั่งเล่นของคุณมีจำนวนเฟอร์นิเจอร์เยอะมากจนเกินไป ส่งผลให้เวลาคุณไปนั่งหรือลุกจากโซฟารู้สึกลำบากได้ ดังนั้นควรให้ความสำคัญกับคนที่อยู่อาศัยสามารถใช้งานเฟอร์นิเจอร์ได้อย่างสะดวกสบายมากที่สุด เช่น โซฟากับโต๊ะกลางควรที่เว้นระยะห่างอย่างน้อย 18 นิ้ว เป็นต้น

2.ความสูงของเฟอร์นิเจอร์

หนึ่งในข้อผิดพลาดที่นักออกแบบภายในมักเจอคือ ความสูงของของเฟอร์นิเจอร์ ไม่ว่าจะเป็นความสูงของโต๊ะ เก้าอี้ ตู้เก็บของที่สูงมากจนเกินไป ทำให้ห้องของคุณดูอึดอัด และทำให้ห้องรู้สึกแคบลง ดังนั้นควรที่จะพิจารณาในการเลือกความสูงของเฟอร์นิเจอร์ให้เหมาะสม มีความพอดีกับสภาพแวดล้อมภายในห้องของคุณ และไม่ควรจัดวางจนไปบดบัง ทัศนีย์ภาพในห้อง เฟอร์นิเจอร์ประเภทเตียงนอน ควรมีความสูงพอดีกับโต๊ะข้างเตียง ไม่สูงและไม่ต่ำจนเกินไป

3.เลือกใช้ขนาดพรมที่ผิด

นักออกแบบภายในเห็นด้วยในการเลือกใช้พรมที่มีขนาดใหญ่ เพราะว่าพรมที่ขนาดเล็กเมื่อนำไปจัดวางในห้องนั่งเล่นแล้ว จะให้ห้องของคุณดูแคบลง นักออกแบบภายในบอกว่า “เราเห็นคนที่นำพรมขนาดเล็กไปวางใต้โต๊ะกาแฟเป็นจำนวนมาก ซึ่งนั้นทำให้ห้องของคุณดูเล็กลงและอึดอัด” เราแนะนำให้เลือกใช้เป็นพรมเส้นใยธรรมชาติขนาดใหญ่

4.เลือกเฟอร์นิเจอร์เข้าเซ็ต

หลายคนมักเลือกซื้อเป็นเฟอร์นิเจอร์แบบเข้าเซ็ต เช่น โซฟา+โต๊ะกาแฟ , โต๊ะทำงาน+เก้าอี้ เป็นต้น ซึ่งทำให้ห้องของคุณดูเหมือนโชว์รูมและดูเรียบจนเกินไป เราจึงแนะนำว่าการเลือกเฟอร์นิเจอร์แบบชิ้นเดียว ๆ มา Mix&Match เช่น โทนสี ลวดลาย สไตล์ เป็นต้น จะช่วยให้ห้องของคุณดูสวยงามมากขึ้น และอิสระในการจัดตกแต่งมากกกว่าการซื้อเฟอร์นิเจอร์แบบเซ็ต

5.เลือกขนาดเฟอร์นิเจอร์ผิด

ขนาดของเฟอร์นิเจอร์ควรเหมาะสมหรือพอดีกับขนาดห้องของคุณ ยกตัวอย่างเช่น ถ้าห้องของคุณมีความกว้าง เราแนะนำให้เลือกซื้อเฟอร์นิเจอร์ที่เล็ก เพื่อไม่ให้ห้องรู้สึกอัดอัดมากจนเกินไป และลดอุปสรรคในการเดินไปมาในห้อง นอกจากนี้ควรบารานเฟอร์นิเจอร์ภายในห้อง ให้สมส่วน ได้มาตรฐาน ไม่ควรหลักไปที่ด้านใดด้านหนึ่ง เพื่อให้ห้องของคุณมีความสมดุลมากยิ่งขึ้น

6.วางเฟอร์นิเจอร์ติดผนัง

อีกหนึ่งสิ่งที่นักออกแบบภายในมักไม่ชอบคือการวางเฟอร์นิเจอร์ติดผนัง หลายคนมักคิดว่าการวางเฟอร์นิเจอร์ชิดติดผนัง เช่น วางตู้เก็บของติดผนัง วางโซฟาติดผนัง เป็นต้น จะช่วยให้ห้องของคุณดูน่าดึงดูด ซึ่งจริง ๆ แล้วเป็นความคิดที่ตรงกันข้ามกับนักออกแบบภาพใน เพราะเขาคิดว่าการว่าเฟอร์นิเจอร์ชิดติดผนัง จะทำให้พื้นที่ตรงกลางห้องตาย แนะนำว่าให้เว้นพื้นที่เล็กน้อยระหว่างกำแพงและเฟอร์นิเจอร์ของคุณ เพื่อสร้างสภาพแวดล้อมที่น่าดึงดูดมากยิ่งขึ้น

ในปัจจุบันมนุษย์ได้ใช้ทรัพยากรธรรมชาติในอัตราที่เพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ ส่งผลให้ทรัพยากรธรรมชาติลดลงอย่างรวดเร็ว ถ้าคุณต้องการที่จะรักษาทรัพยากรธรรมชาติและอยากช่วยเหลือโลกของเราซักนิด การใช้เฟอร์นิเจอร์ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมเป็นการเริ่มต้นที่ดี โดยการเปลี่ยนเฟอร์นิเจอร์ในบ้านและสำนักงาน เป็นวัสดุที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม เพื่อช่วยให้คุณสามารถเลือกวัสดุที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมได้อย่างถูกต้อง เราได้รวบรวมรายการ 4 อันดับวัสดุที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม เพื่อให้ทุกคนที่เข้ามาอ่านสามารถทำเข้าใจเกี่ยวกับวัสดุแต่ละชนิด และนำข้อมูลไปตัดสินใจเลือกซื้อได้อย่างถูกต้อง ถ้าพร้อมกันแล้วเราไปเริ่มกันที่วัสดุแรกกันเลย

1.วัสดุรีไซเคิล

อย่างที่ทุกคนทราบว่าการรีไซเคิลนั้นดีต่อสิ่งแวดล้อม เกือบทุกประเภทวัสดุเฟอร์นิเจอร์สามารถนำมารีไซเคิลได้ เช่น ไม้ , ผ้า เหล็ก กระจก ไฟเบอร์ และอื่น ๆ อีกมากมาย เฟอร์นิเจอร์ที่ทำจากวัสดุรีไซเคิลจะใช้ทรัพยากรที่น้อยและระยะเวลาในการผลิตที่น้อยกว่าเฟอร์นิเจอร์ที่ทำจากไฟเบอร์ใหม่ ๆ หรือวัสดุอื่น ๆ เนื่องจากจำนวนประชากรเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ทำให้ทรัพยากรธรรมชาติลดน้อยลง การรีไซเคิลเฟอร์นิเจอร์จึงเป็นหนทางที่สามารถช่วยรักษาทรัพยากรภายในโลกของเราได้

2.ไม้ไผ่

ไม้ไผ่เป็นหนึ่งในวัสดุที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ได้รับความนิยมมากที่สุด ไม้ไผ่มีคุณสมบัติในเรื่องของความแข็งแรงทนทานและมีความสวยงาม ไม้ไผ่เป็นวัสดุที่ใช้งานได้อเนกประสงค์ และถูกนำไปผลิตเฟอร์นิเจอร์สไตล์โมเดิร์นมากมาบ เช่น โต๊ะกาแฟ ชั้นวางหนังสือ พาร์ติชั่น เป็นต้น ในบรรดาของวัสดุเฟอร์นิเจอร์ ไม้ไผ่เป็นวัสดุที่สามารถตัดแต่ง และนำมาผลิตเฟอร์นิเจอร์ได้อย่างง่ายดาย เฟอร์นิเจอร์ไม้ไผ่ดูสวยงามเมื่อนำไปใช้นอกบ้านและสามารถทนทานต่อสภาพอากาศภายนอกได้ดีกว่าวัสดุเฟอร์นิเจอร์ประเภทอื่น ๆ นอกจากนี้เฟอร์นิเจอร์ไม้ไผ่ไม่มีการใช้สารกำจัดศัตรูพืช และสามารถใช้งานได้ยาวนานหลายปี

3.หวาย

หวายเป็นปาล์มคล้ายเถาเลื้อยที่พบในป่าเขตร้อนของจีน เอเชีย และมาเลเซีย หวายเป็นวัสดุเฟอร์นิเจอร์ที่มีความแข็งแรง และทนทานต่อสภาพอากาศ นอกจากนี้เฟอร์นิเจอร์ประเภทหวาย มีความสวยงามและบำรุงรักษาได้ง่าย หวายแบ่งออกได้หลัก ๆ 2 ประเภท คือหวายธรรมชาติและหวายสังเคราะห์ หวายมีมากกว่า 600 สายพันธุ์ทั่วโลก ข่าวดีคือหวายไม่ว่าจะเป็นหวายธรรมชาติหรือหวายสังเคราะห์ ทั้ง 2 เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม และเฟอร์นิเจอร์หวายถือว่านิยมนำไปใช้เป็นเฟอร์นิเจอร์สำหรับตกแต่ง ตามระเบียง สวนสาธารณะ ลานบ้าน สนามหลังบ้าน และสวนโรงแรม

4.ผ้าฝ้ายอินทรี

ถ้าคุณมีเฟอร์นิเจอร์เก่า ๆ ที่ต้องการหุ้มใหม่ เช่น โซฟาผ้าขาด หรือเบาะเก้าอี้ขาด เป็นต้น เรามีวัสดุที่เปิดมิตรกับสิ่งแวดล้อมในการซ่อมแซมและห่อหุ้มเฟอร์นิเจอร์เหล่านี้โดยที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม นั้นก็คือผ้าฝ้ายอินทรี เนื่องจากผ้าฝ้ายอินทรีเป็นทรัพยากรหมุนเวียน ดังนั้นไม่มีวันหมดง่าย ๆ ผ้าฝ้ายเป็นวัสดุที่ทนทานและสเถียรภาพ และปลูกโดยไม่มีสารเคมีอันตราย และเป็นมิตรต่อการนำไปใช้ห่อหุ้มเฟอร์นิเจอร์ ผ้าผ้ายออร์แกนิกถูกนำไปใช้เป็นวัสดุห่อหุ้มเฟอร์นิเจอร์มากมาย เช่น โซฟา เก้าอี้ และเฟอร์นิเจอร์อีกหลายประเภท เป็นต้น การนำเฟอร์นิเจอร์เก่า ๆ มาห่อหุ้มด้วยผ้าฝ้ายจะทำให้เฟอร์นิเจอร์ของคุณดูสวยงาม และจำเป็นที่จะต้องซื้อเฟอร์นิเจอร์ใหม่ และช่วยรักษาสิ่งแวดล้อมให้ดียิ่งขึ้น

จบกันไปแล้วสำหรับ 4 วัสดุไม้ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมหวังว่าจะเป็นประโยชน์ให้กับทุกคนได้บ้าง การดูแลรักษาทรัพยากรธรรมชาติเป็นสิ่งสำคัญที่พวกเราทุก ๆคนควรที่ตระหนัก การเริ่มต้นเล็ก ๆ จากการเลือกใช้เฟอร์นิเจอร์ที่วัสดุเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม เป็นสิ่งที่ช่วยรักษาโลกของเราได้และดูแลทรัพยากรให้มีความยั่งยืน บทความนี้ต้องการให้ทุกคนเข้าใจความสำคัญเกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติ เพื่อให้อนาคตเราจะได้มีทรัพยากรเหลือ เพื่อนำไปใช้ประโยชน์ในด้านต่าง ๆ ได้ และเฟอร์นิเจอร์ที่เกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติ เพื่อให้อนาคตเราจะได้มีทรัพยาการเหลือ เพื่อนำไปใช้ประโยชน์

นี้เป็นคำถามที่มีความน่าสนใจ คนที่กำลังซื้อเฟอร์นิเจอร์ควรที่จะทำความเข้าใจเป็นอย่างยิ่ง…

เชื่อว่าสำหรับทุกคนที่ซื้อเฟอร์นิเจอร์มาใหม่ สิ่งแรกที่คาดหวังมาเป็นอันดับแรกนั้นก็คือเรื่องของ อายุการใช้งานของเฟอร์นิเจอร์ เพราะการที่เฟอร์นิเจอร์ของคุณสามารถใช้งานได้ยาวนาน โดยไม่ชํารุดเสียหาย จะช่วยในเรื่องของการประหยัดค่าใช้จ่าย ไม่ต้องหาซื้อเฟอร์นิเจอร์มาเปลี่ยนใหม่บ่อย ๆ อย่างไรก็ตามเฟอร์นิเจอร์ไม่ว่าจะมีราคาแพงหรือราคาถูก ส่วนใหญ่แล้วจะมีอายุการใช้งาน ขึ้นอยู่กับ วัสดุ การใช้งาน และองค์ประกอบอื่นร่วม ดังนั้นวันนี้เราจึงได้รวบรวมคำตอบมาให้กับทุกคนว่าเฟอร์นิเจอร์ชนิดไหนบ้าง ที่ซื้อมาแล้ว ควรอยู่ได้นานมากที่สุดกี่ปี ถึงจะคุ้มค่ามากที่สุด ถ้าพร้อมกันแล้วเรามาลงรายละเอียดกันเลยครับ

1.เฟอร์นิเจอร์ไม้

เฟอร์นิเจอร์ไม้คุณภาพดี ๆ โดยส่วนใหญ่ที่มีอายุการใช้งานยาวนานหลายปี โดยจากการสำรวจคนที่เฟอร์นิเจอร์ไม้ พบว่าสามารถใช้งานได้ยาวนานถึง 200 ปีและยังคงใช้จนมาถึงปัจจุบัน เนื่องจากเฟอร์นิเจอร์ไม้มีการออกแบบที่เน้นในเรื่องของความมั่นคงแข็งแรง และระดับคุณภาพวัสดุสูงมากกว่าเฟอร์นิเจอร์สมัยใหม่ แต่อย่างไรก็ตามเฟอร์นิเจอร์ไม้เมื่อใช้งานระยะเวลานาน มีโอกาสชำรุดเสียหายได้ และยังคงต้องดูแลซ่อมแซมอยู่ตลอดอายุการใช้งาน แต่ถือว่าเป็นการลงทุนที่คุ้มค่า เนื่องจากมีคุณภาพตั้งแต่กำเนิดและไม่มีวัสดุอื่นที่สามารถทดแทนได้

2.เฟอร์นิเจอร์สไตล์โมเดิร์น

เฟอร์นิเจอร์สไตล์โมเดิร์นบางชนิดก็ทำออกมาได้ดี และสามารถใช้งานได้นาน อย่างไรก็ตามเฟอร์นิเจอร์สไตล์โมเดิร์นส่วนใหญ่ที่ผลิตออกมาในปัจจุบัน ออกแบบมาให้พกพาง่ายและหยืดหยุ่นในการใช้งาน นอกจากนี้ยังใช้วัสดุราคาถูก เช่น ไม้อัดปาติเกิล ซึ่งไม่ทนทาน คนส่วนใหญ่ที่ใช้เฟอร์นิเจอร์สไตล์โมเดิร์นนำไปใช้ด้านแฟชั่นหรือยูลิตี้ เมื่อพอใช้ได้ไปซักพักแล้วทิ้ง

3.เฟอร์นิเจอร์โซฟา

เฟอร์นิเจอร์ประเภทโซฟา ควรให้ความสำคัญในเรื่องของวัสดุและเนื้อผ้า โดยเฉพาะเนื้อผ้าเมื่อเกิดการชำรุดเสียหาย ค่าใช้จ่ายในการเปลี่ยนนั้นมีราคาแพงมากในการซ่อมแซม ซึ่งราคาค่าซ่อมแซมอาจสูงเทียบเท่ากับการซื้อโซฟาใหม่เลยก็ว่าได้ และอายุการใช้งานของเฟอร์นิเจอร์โซฟาจะมากหรือน้อย ขึ้นอยู่กับปัจจัยของผู้ใช้งานเป็นหลัก จากการสำรวจพบว่า โซฟาที่นำไปใช้ในบ้านที่มี สมาชิกครอบครัว 4 คน และมีเด็กเล็ก โซฟามีอายุการใช้งานน้อยกว่าครอบครัวที่มีเพียงสามีภรรยา

ในการเลือกเฟอร์นิเจอร์โซฟาให้สามารถใช้งานได้ยาวนานจะต้องมองหาตัวที่ ใช้วัสดุผ้าที่มีความหนา มีโทนสีเข้ม (โซฟาสีอ่อนมักขาดได้ง่าย) และเลือกโซฟาที่มีใช้วัสดุเบาะรองที่มีคุณภาพ (โฟมบางชนิดสามารถยุบตัวได้เร็ว) นอกจากนี้คุณควรมองหาโซฟาที่มีโครงสร้างฐานแข็งแรงทนทาน

โซฟาหนังแท้ ตอบโจทย์ในเรื่องคุณภาพระดับดีเยี่ยมและอายุการใช้งานยาวนานมากที่สุด แต่ต้องแลกมาด้วยราคาที่แพงด้วยเช่นกัน อย่างไรก็ตามโซฟาหนังแท้มีราคาที่แพง ดังนั้นคุณสามารถเลือกใช้เป็นโซฟาหนังเทียม ซึ่งคุณภาพการใช้งานอาจด้อยกว่าโซฟาหนังแท้ แต่ถ้าพูดถึงอายุการใช้งาน โซฟาหนังเทียมก็สามารถทำได้อยู่ในระดับที่ดีเลยที่เดียว

   สรุป เฟอร์นิเจอร์ เช่น โต๊ะ เก้าอี้ โซฟา หรือตู้เก็บของ เป็นต้น ผลิตออกมาด้วยวัสดุที่แตกต่างกัน แน่นอนว่าวัสดุส่งผลในเรื่องของอายุการใช้งาน แต่อย่าลืมนึกถึงการใช้งานของคุณด้วย หากคุณใช้งานเฟอร์นิเจอร์โดยที่ไม่มีการดูแลรักษาอย่างดีเพียงพอ ไม่ว่าเฟอร์นิเจอร์ที่คุณใช้ราคาแพงซักเพียงใด ก็สามารถชำรุดเสียหาย ดังนั้นเฟอร์นิเจอร์เปรียบเสมือนทรัพย์สินที่มีค่า ควรใช้งานอย่างระมัดระวัง และดูแลเอาใจใส่อย่างต่อเนื่อง เชื่อว่าเฟอร์นิเจอร์จะอยู่กับคุณได้อย่างยาวนานหลายปีได้อย่างแน่นอน