test

ในปัจจุบันเราจะได้เห็นสิ่งก่อสร้างต่าง ๆ เกิดขึ้นมาอย่างมากมาย ไม่ว่าจะเป็นตึกรามบ้านช่อง สถานที่ประกอบการ และห้างสรรพสินค้ารวมไปถึงในสถานที่ต่าง ๆ ล้วนมีการพัฒนาให้มีความเจริญมากขึ้นตามยุคสมัยที่เปลี่ยนแปลงไป ในการสร้างสิ่งก่อสร้างเหล่านี้ขึ้นมาหลังจากสร้างเสร็จจนเป็นรูปเป็นร่างเราจะต้องใช้เฟอร์นิเจอร์เข้ามาตกแต่งภายในสถานที่ให้มีความสวยงามมากขึ้น ในการนำสิ่งต่าง ๆ เหล่านี้มาทำเป็นสิ่งของเครื่องใช้ล้วนเกี่ยวข้องกับชีวิตประจำวันของเราทั้งสิ้น รวมไปถึงการตกแต่งเฟอร์นิเจอร์ในสถานที่ทำงานก็มีให้เห็นอยู่มากมาย ไม่ว่าจะเป็น เค้าน์เตอร์ต้อนรับ พาร์ติชั่น โต๊ะ และเก้าอี้ เป็นต้น คนไทยส่วนใหญ่ในปัจจุบันนี้มองเห็นถึงความสำคัญในการตกแต่งบ้านมากขึ้นแตกต่างจากเมื่อก่อน เพราะว่าสถานที่ที่เราจะอยู่อาศัยปัจจัยในการตกแต่งภายในถือว่าเป็นสิ่งสำคัญอย่างมาก

การเลือกเฟอร์นิเจอร์ในการตกแต่งบ้านเพื่อให้ตอบสนองกับความต้องการของผู้อาศัย จะสร้างความสะดวกสบาย และความรู้สึกผ่อนคลายให้กับเจ้าของได้ไม่มากก็น้อย “ไม้” ถูกนำมาแปรรูปได้หลากหลายชนิดตามการใช้งาน คนส่วนใหญ่จะใช้ไม้ในการนำมาแปรรูปเพื่อเป็นเฟอร์นิเจอร์สำหรับตกแต่งตามบ้านเรือน ไม่ว่าเราจะไปที่ไหนก็จะเห็นวัสดุที่ทำจากไม้กันค่อนข้างมาก ในการนำไม้มาแปรรูปจะทำให้เฟอร์นิเจอร์มีความหรูหรา และทันสมัยมากขึ้น แต่บางคนเลือกที่จะใช้วัสดุที่ทำมาจากไม้โดยไม่มีการผ่านกระบวนการแปรรูปใด ๆ มาก่อน เพื่อต้องการเฟอร์นิเจอร์ที่นำมาตกแต่งบ้านในสไตล์ที่ทำให้เกิดความรู้สึกถึงกลิ่นไอธรรมชาติอย่างแท้จริง การตกแต่งบ้านประเภทนี้จะเรียกว่า การแต่งบ้านสไตล์ Rustic นอกจากนี้เฟอร์นิเจอร์ที่ทำจากไม้มีด้วยกันหลากหลายประเภท ในวันนี้เราจะพาไปดูประเภทต่าง ๆ ของไม้ตามลักษณะการใช้งานกัน

เฟอร์นิเจอร์ไม้จริง หมายถึง เฟอร์นิเจอร์ที่ทำมาจากไม้ ที่ได้ทำการตัดมาจากต้นไม้ออกมาเป็นชิ้น ๆ แล้วถูกนำมาทำเป็นเฟอร์นิเจอร์

ข้อดี มีความแข็งแรงค่อนข้างมาก และจะได้ลวดลายจากไม้ที่สวยไม่ซ้ำใคร

ข้อเสีย หากเป็นไม้มงคล จะมีราคาแพง หายาก มีน้ำหนักมาก และสามารถเกิดรอยได้ง่าย

เฟอร์นิเจอร์ที่เป็นไม้ปาติเกิล เป็นวัสดุที่ถูกนำมาทำเป็นเฟอร์นิเจอร์มากที่สุด โดยทำมาจากไม้ยางพาราที่ถูกบดมาเป็นขี้เลื่อย แล้วนำมาผ่านกระบวนการอัดเป็นแผ่น หลังจากนั้นก็นำมาปิดด้วยแผ่นพีวีซี และเมลามีน หรือลามิเนต ถือเป็นอันเสร็จสิ้น

ข้อดี ราคาถูก หาซื้อได้ง่าย มีน้ำหนักเบา และทำความสะอาดได้ง่าย

ข้อเสีย เนื้อไม้ไม่มีความหนาแน่น มีความแข็งแรงน้อย และเมื่อเวลาที่โดนน้ำจะทำให้เนื้อไม้เปื่อยยุ่ย

เฟอร์นิเจอร์ไม้อัดแผ่น หรือ ไม้อัดแผ่น (Plywood) เป็นวัสดุที่ถูกตัดมาจากท่อนไม้เพื่อนำไปทำเป็นเฟอร์นิเจอร์ โดยจะนำไม้เข้าเครื่องปอกเนื้อไม้ออกมาให้มีลักษณะที่บาง หลังจากนั้นอัดทับให้เป็นชั้นเพื่อเพิ่มความหนา และความแข็งแรง

ข้อดี มีความแข็งแรง ทนทาน ยืดหยุ่นได้ และไม่หักง่าย

ข้อเสีย เนื้อไม้ชนิดนี้จะมีเสี้ยนเป็นจำนวนมาก หากขัดไม่ดีอาจเกิดอันตรายขึ้นได้

ทั้งหมดนี้ก็คือข้อดี และข้อเสียอย่างคร่าว ๆ ของเนื้อไม้ที่จะนำมาทำเป็นเฟอร์นิเจอร์ตามสถานที่ต่าง ๆ จะเห็นได้ว่า เฟอร์นิเจอร์ที่ทำจากไม้มีลักษณะการใช้งานที่แตกต่างกัน เฟอร์นิเจอร์ที่ทำมาจากไม้สามารถหาซื้อได้ตามทั่วไป ซึ่งในเรื่องของราคา ขนาด รวมไปถึงคุณภาพการใช้งานก็มีความแตกต่างกัน ปัจจุบันมีโรงงานอุตสาหกรรมที่ผลิตเฟอร์นิเจอร์เกิดขึ้นเป็นจำนวนมาก ทำให้โรงงานต่าง ๆ ต้องการที่จะหากลยุทธ์ทางการตลาดเพิ่มมากขึ้นกว่าเดิม เพื่อเป็นแนวทางในการดึงดูดลูกค้าให้ตัดสินใจที่จะเลือกใช้บริการของเรา ดังนั้นหากเราต้องการที่จะซื้อสินค้าในประเภทต่าง ๆ เหล่านี้เราควรทำการศึกษาข้อมูลให้ดีก่อนที่จะตัดสินใจในการซื้อทุกครั้ง

เทคนิค Hi-gloss ทำไมถึงนิยมใช้กัน

เทคนิค Hi-gloss นั้นคือเทคนิคอะไร วันนี้เราจะมาไขข้อสงสัยกันว่าทำไมเทคนิค Hi-gloss ถึงเป็นที่พึงพอใจและฮือฮาของคนในวงการเฟอร์นิเจอร์กันมากนัก เทคนิค Hi-gloss ตามชื่อกันเลยคือ มีความเงาสูง การที่เทคนิค Hi-gloss นิยมนำมาใช้กับเฟอร์นิเจอร์ก็ถือว่าเป็นการพัฒนาจากการที่ใช้สีมาทาลงบนเฟอร์นิเจอร์เลยก็ว่าได้ ทำให้การใช้เทคนิคการทาสีลงบนเฟอร์นิเจอร์ดูไม่เงางาม จนมีการคิดค้น เทคนิค Hi-gloss ที่เป็นการใช้เทคนิคการพ่นลงบนเฟอร์นิเจอร์ เช่น โต๊ะ ตู้ เก้าอี้ หรือแม้กระทั่งงานบิ้วอินต่าง ๆ แทนที่จะใช้การทา ทำให้เฟอร์นิเจอร์ของเราดูเงามากมากยิ่งขึ้นและเทคนิคนี่เองจึงทำให้แวดวงการเฟอร์นิเจอร์ฮือฮากันอย่างมากที่จะนำมาใช้ในธุรกิจเฟอร์นิเจอร์ของตนเองโดยเทคนิค Hi-gloss จะทำให้บ้านคุณหรือเฟอร์นิเจอร์ของคุณนั้นดูสวยงามและมีสีที่เงางามตลอดไม่ว่าเวลาผ่านไปนานขนาดไหนสีก็ยังคงสดและสวยอยู่เสมอ

สี Hi-gloss หลายคนยังไม่รู้ว่าเป็นสีอะไร สี Hi-gloss คนส่วนมากนิยมแบ่งออกเป็น 3 ประเภท คือ โพลิยูรีเทน โพลีเอสเตอร์ และอะคริลิก แลคเกอร์ โดยทั้ง3ประเภทนี้นั้นจะมีลักษณะการทำงานที่แตกต่างกันออกไปผู้ที่จะใช้งานก็จะเลือกตามคุณสมบัติของแต่ละประเภทในการเลือกใช้

• โพลิยูรีเทน

สีที่พ่นโพลิยูรีเทนจะมีความเงาที่เงามาก และสีโพลิยูรีเทนมีความแข็งแรงและยังทนต่อการขีดขวดและสารเคมีที่เป็นเหตุให้เกิดความเสียหาย แต่สีที่พ่นโพลิยูรีเทนก็มีข้อเสียเช่นกัน สีโพลิยูรีเทนจะมีโมเลกุลที่เล็กกว่าโมเลกุลของน้ำ เมื่อพ่นลงไปยังวัสดุนั้นทำให้โมเลกุลของน้ำไม่สามารถผ่านชั้นของสีไปได้ แต่สีที่พ่นไปนั้นจะมีลักษณะที่แห้งยากและสีโพลิยูรีเทนนั้นจะเป็นการพ่นที่ยากกว่าการพ่นสีชนิดอื่นจึงต้องใช้คนที่ชำนาญในการพ่นเนื่องจากเมื่อสีแห้งยากจะต้องพ่นในที่ที่จำกัดเพื่อไม่ให้มีฝุ่นละอองโดนชิ้นงานจะทำให้ชิ้นงานออกมาสวยและเงางาม

• โพลีเอสเตอร์

โพลีเอสเตอร์สีประเภทนี้จะมีข้อดีคือเป็นสีที่จะแห้งเร็ว สามารถทำงานต่อได้โดยที่ไม่ต้องรอให้สีแห้ง และการพ่นสีโพลีเอสเตอร์นั้นยังสามารถที่จะทนกรดหรือสารเคมี ทนน้ำ ทนสารละลายสี ได้ดีแถมยังทนรอยขีดขวนได้มากกว่าสีทั้ง 3 ประเภทนี้อีกด้วย ทำให้ความเงาจะอยู่ทนมากที่สุด แต่สีประเภทนี้จะไม่สามารถทนต่อแสง UV เมื่อถูกแสง UV จำนวนมากจะทำให้เกิดการเหลืองขึ้นได้ง่าย สีโพลีเอสเตอร์จะไม่นิยมนำมาใช้กับเทคนิค Hi-gloss เนื่องจากมีความหนาของชั้นสีที่สูงเกินไปและไม่ทนต่อแสง UV

• อะคริลิก แลคเกอร์

การพ่นโดยอะคริลิก แลคเกอร์ จะรู้กันดีว่า มีราคาถูก แห้งเร็ว และใช้ง่ายโดยตามท้องตลาดจะเรียกว่าสีอุตสาหกรรมแต่ข่อเสียเยอะมาก สีอะคริลิก แลคเกอร์ เป็นสีที่มีความแข็งแรงน้อย และเมื่อพ่นลงไปกับวัสดุแล้วน้ำก็จะซึมผ่านได้ง่ายจนทำให้เกิดความชื้นได้

เพียงเท่านี้เราก็จะรู้ทันทีว่าสีแบบไหนควรที่จะนำมาใช้กับเทคนิค Hi-gloss ของเรา เพื่อให้เฟอร์นิเจอร์ของเรานั้นเงางามและคงทน สีสด อยู่กับเราได้นาน เทคนิค Hi-glossการพ่นสีของการพ่น Hi-gloss ลงบนเฟอร์นิเจอร์ก็จะเป็นการพ่นย้ำ ๆ ซ้ำ ๆ ให้เกิดการพ่นหลายๆชั้นจึงจะทำให้เกิดความคงทน และเงางาม ทั้งนี้เทคนิค Hi-glossจะนิยมกันอย่างมากที่นำมาใช้กับพวกเฟอร์นิเจอร์ต่าง ๆ เช่น เฟอร์นิเจอร์ลอยตัว เฟอร์นิเจอร์บิ้วอิน จนทำให้เทคนิค Hi-gloss ก็นำไปใช้กับการพ่นสีตัวรถยนต์เพราะสีบนรถยนต์ต้องอาศัยความทนทานและเรียบเนียนจึงทำให้เทคนิค Hi-gloss เป็นที่นิยมในหมู่ของการพ่นสีรถยนต์เช่นกัน

“เฟอร์นิเจอร์” ในปัจจุบันเฟอร์นิเจอร์เป็นสิ่งอำนวยความสะดวกสบายให้กับมนุษย์ หรือเป็นสิ่งที่มนุษย์ใช้งานเพื่อความสวยงาม และทันสมัย โดยที่เฟอร์นิเจอร์เกิดจากความคิด ศิลปะ การประดับตกแต่งเพื่อให้เกิดความสวยงาม นอกจากนี้ เฟอร์นิเจอร์ยังเป็นเครื่องสื่อความหมายในเชิงสัญลักษณ์ตามยุคสมัยหรือ ศาสนา แสดงออกถึงวัฒนธรรมตามยุคสมัย หรือสมัยต่าง ๆ ในช่วงเวลานั้น โดยแต่ละยุคสมัย เฟอร์นิเจอร์จะมีการเปลี่ยนแปลงพัฒนาไปเรื่อย ๆ โดยเริ่มตั้งแต่ รูปทรง รูปร่าง วัสดุที่นำมาใช้ ทั้งนี้เฟอร์นิเจอร์ก็ยังเป็นสิ่งที่คนสมัยใหม่นิยมมาตกแต่งในบ้านเพื่อให้สอดคล้องกับ “style” ที่ตัวเองชอบโดยคนส่วนใหญ่ก็จะมองว่า เฟอร์นิเจอร์มีความสำคัญกับการใช้ชีวิตประจำวันในแต่ละวัน เราไปดูกันเลยว่าเฟอร์นิเจอร์แต่ละแบบนั้นควรตั้งอยู่ตรงไหนของบ้านและควรมีลักษณะแบบไหนถึงจะเหมาะสม

1.โต๊ะที่มีลักษณะหลากหลายรูปแบบเป็นเฟอร์นิเจอร์ที่เหมาะสำหรับเอาไว้วางของต่าง ๆ ได้ นอกจากนี้โต๊ะยังมีแบ่งแยกออกไปอีกหลายประเภทไม่ว่าจะเป็นโต๊ะกินข้าว โต๊ะทำงาน โต๊ะเครื่องแป้ง เป็นต้น ซึ่งโต๊ะเป็นเฟอร์นิเจอร์ที่ทุกบ้านควรจะมี

2.เก้าอี้ เป็นหัวใจสำคัญในหลาย ๆ อย่างภายในบ้านเช่นการนั่งเพื่อผ่อนคลายหรือเอาไว้นั่งทำงาน นอกจากนี้เก้าอี้ก็มีลักษณะที่แปลกใหม่อยู่เสมอเมื่อนำมาไว้ในบ้านก็จะดูเก๋มากยิ่งขึ้น บางครั้งการวางเก้าอี้ไว้ตรงมุมห้องพร้อมกับโต๊ะและตกแต่งตามแนวที่ตัวเองชอบ ที่สำคัญยังช่วยให้เรารู้สึกผ่อนคลายได้เพราะการมีเฟอร์นิเจอร์เหล่านี้ทำให้ภายในบ้านของเราดูไม่โล่งหรือโปร่งมากจนเกินไป

3.โซฟาเหมาะสำหรับเอาไว้ที่ห้องรับแขก หรือห้องนั่งเล่นเพื่อไว้ต้อนรับผู้คนที่เข้ามาภายในบ้าน หรือแม้กระทั่งในออฟฟิศ นอกจากนี้ยังสามารถทำให้เรารู้สึกถึงความสะดวกสะบาย นุ่มไม่ปวดเหมื่อย โซฟามีให้เลือกหลายรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นโซฟาแบบหนังที่มีการออกแบบที่แตกต่างกันไป แล้วแต่ความชอบของแต่ละคน โซฟาเป็นเฟอร์นิเจอร์ที่ให้ความผ่อนคลาย และทำให้เรารู้สึกได้พักผ่อนเวลากลับมาจากที่ทำงานเหนื่อย ๆ ก็กลับมานั่งพักผ่อนกับครอบครัวและใช้ชีวิตร่วมกันอย่างมีความสุขเพราะมีเฟอร์นิเจอร์ดี ๆ ที่อยู่รอบตัวเรา

4. งานBuilt in เป็นงานที่เหมาะกับหลายพื้นที่ภายในบ้านไม่ว่าจะเป็นอ่างล้างจาน หรือ ล็อกเกอร์ ซึ่งงาน “Built in” นี้ก็เหมาะกับการวางไว้จุดหรือตำแหน่งเดิม ๆ ที่ไม่สามารถเคลื่อนย้ายไปไหนได้ แต่นอกจากนี้การมีเฟอร์นิเจอร์อยู่ภายในบ้านก็จะทำให้บ้านเรามีพื้นที่ใช้สอยได้ และเป็นระเบียบเรียบร้อยมากยิ่งขึ้น

5.งานกระจกและอะลูมิเนียม ซึ่งแน่นอนว่าเฟอร์นิเจอร์ชนิดนี้มีอยู่ทุกบ้านจริง ๆ ขาดไม่ได้ ไม่ว่าจะเป็นที่ทำงาน โรงเรียน และอีกหลาย ๆ แห่ง ซึ่งจะสร้างความหรูหราให้กับที่ทำงาน หรือที่บ้านให้ดูน่าอยู่มากยิ่งขึ้น

6.ตู้ เป็นสิ่งที่ทุกบ้านควรจะมี และนอกจากนี้ตู้ยังมีการดีไซน์ใหม่ออกมาอยู่เรื่อย ๆ ให้มีองค์ประกอบที่เหมาะสมกับบ้านหรือห้องเช่าต่าง ๆ เพื่อให้มีขนาดที่เหมาะสมกับพื้นที่นั้น ๆ แต่ถึงอย่างไรก็ตามเราต้องเลือกสิ่งที่ดีที่สุดให้กับตนเองเพราะบางครั้งอาจจะเกิดอันตรายได้ สาเหตุมาจากวัสดุการทำไม่มีความแข็งแรง และการวางตำแหน่งของตู้ส่วนใหญ่จะอยู่ภายในห้องนอนเป็นส่วนใหญ่

7.พาร์ติชั่น ส่วนใหญ่จะอยู่ในที่ทำงานที่มีผู้คนมากกว่า 2 คนขึ้นไปซึ่งจะนิยมใหญ่เพื่อให้มีสัดส่วนและดูเป็นระเบียบมากขึ้น และยังนำไปตกแต่งในสำนักงานให้มีความหรูดูแพงมากยิ่งขึ้น นอกจากนี้เฟอร์นิเจอร์ชิ้นนี้ก็ยังสามารถเคลื่อนย้ายได้อย่างง่ายและมีความรวดเร็ว

8.เคาน์เตอร์ต้อนรับ เหมาะสำหรับใช้ในที่ทำงานไม่ว่าจะเป็น โรงแรม หรือสำนักงานต่าง ๆ ที่จะต้องคอยให้บริการ ซึ่งเฟอร์นิเจอร์เคาน์เตอร์นี้เป็นสิ่งที่อำนวยความสะดวกทั้งผู้มาใช้บริการ และผู้ให้บริการเป็นอย่างมากเพราะมีการกำหนดที่ขัดเจน

9.เตียงอเนกประสงค์เป็นเตียงที่นิยมใช้ภายในหอหรือโรงแรมไว้เป็นที่พักพิง ซึ่งมีสองชั้น และมีการใช้สอยพื้นที่อย่างประหยัด เคลื่อนย้ายสะดวก

หนึ่งในองค์ประกอบพื้นฐานของเฟอร์นิเจอร์ เก้าอี้ คือที่นั่ง คุณสมบัติหลักคือวัสดุที่ทนทาน โดยติดเป็นพนักพิงและที่นั่งติดกันที่มุม 90° หรือสูงกว่าเล็กน้อย โดยปกติมุมทั้งสี่ของเบาะนั่งในแนวนอนจะแนบเป็นขาสี่ขา หรือส่วนอื่น ๆ ของเบาะนั่ง ด้านล่างติดกับขาสามขาหรือกับก้านที่หมุนสี่แขนบนลูกกลิ้งได้แข็งแรงพอที่จะรองรับน้ำหนักของคนที่นั่งบนเบาะ และพิงหลังในแนวตั้ง โดยทั่วไป ขาจะสูงพอสำหรับต้นขาและหัวเข่าของคนที่นั่งทำมุม 90° เก้าอี้นี้ถูกใช้มาตั้งแต่สมัยโบราณ แม้ว่าเป็นเวลาหลายศตวรรษแล้วที่เก้าอี้ดังกล่าวเป็นบทบาทสัญลักษณ์ของรัฐ และศักดิ์ศรีมากกว่าบทบาทสำหรับการใช้งานทั่วไป “เก้าอี้” ยังคงใช้เป็นสัญลักษณ์ของผู้มีอำนาจในการที่สภาในสหราชอาณาจักร และในรัฐอื่น ๆ อีกมากมาย เพื่อให้สอดคล้องกับความหมายทางประวัติศาสตร์ของ “เก้าอี้” ในฐานะสัญลักษณ์แห่งอำนาจ จนกระทั่งศตวรรษที่ 16 เก้าอี้กลายเป็นเรื่องปกติจนกระทั่งถึงตอนนี้ ม้านั่งและ เก้าอี้ซึ่งเป็นที่นั่งธรรมดาในชีวิตประจำวัน และสามารถใช้ได้กับบุคคลทั่วไป

 เก้าอี้สำนักงานหรือโต๊ะเก้าอี้เป็นประเภทของเก้าอี้ที่ถูกออกแบบมาสำหรับการใช้งานอยู่ที่โต๊ะทำงานในสำนักงาน โดยปกติแล้วจะเป็นเก้าอี้หมุนมีชุดล้อสำหรับเคลื่อนย้ายและปรับความสูงได้ เก้าอี้สำนักงานสมัยใหม่มักใช้ขารับน้ำหนักเพียงตัวเดียว ซึ่งอยู่ใต้ที่นั่งของเก้าอี้ ใกล้พื้นนี้แพร่กระจายออกไปในขาเท้าเล็ก ๆ ซึ่งมักจะเรียกว่าล้อและล้อ เก้าอี้สำนักงานได้รับการพัฒนาขึ้นในช่วงกลางศตวรรษที่ 19 เนื่องจากมีคนงานจำนวนมากขึ้นนั่งทำงานที่โต๊ะ ซึ่งนำไปสู่การนำคุณลักษณะต่าง ๆ ที่ไม่พบในเก้าอี้อื่น ๆ มาใช้เก้าอี้หมุนอาจมีล้อบนฐานทำให้ผู้ใช้สามารถเคลื่อนย้ายเก้าอี้ไปรอบ ๆ พื้นที่ทำงานได้โดยไม่ต้องลุก ประเภทนี้เป็นเรื่องธรรมดาในปัจจุบันสำนักงานและมักจะยังเรียกว่าเก้าอี้สำนักงาน เก้าอี้หมุนในสำนักงาน เช่นเดียวกับเก้าอี้คอมพิวเตอร์ ปกติแล้วจะมีลิฟต์แก๊สเพื่อปรับความสูงของที่นั่ง แต่โดยทั่วไปแล้วจะไม่มีเก้าอี้เท้าแขนหมุนขนาดใหญ่ (เช่นปรับเอนได้ )

มีเก้าอี้สำนักงานหลายประเภทที่ออกแบบมาเพื่อตอบสนองความต้องการที่แตกต่างกัน พื้นฐานที่สุดคือเก้าอี้ทำงาน ซึ่งโดยทั่วไปแล้วจะไม่มีส่วนรองรับเอวหรือพนักพิงศีรษะ โดยทั่วไปแล้วเก้าอี้เหล่านี้ไม่สามารถนั่งได้ครั้งละมากกว่าสองชั่วโมงโดยไม่รู้สึกอึดอัด แม้ว่ามักจะให้พื้นที่ในการเคลื่อนย้ายมากกว่าเก้าอี้ระดับสูง เก้าอี้พนักพิงกลางช่วยพยุงหลังได้เต็มที่ และด้วยการออกแบบตามหลักสรีรศาสตร์ จึงสามารถนั่งได้ครั้งละสี่ชั่วโมงหรือนานกว่านั้น เก้าอี้ระดับไฮเอนด์ในประเภทนี้ เช่น Herman Miller Aeron นั้นนั่งสบายเป็นเวลานานเก้าอี้ผู้บริหารหรือฟูลแบ็ครองรับพนักพิงและศีรษะได้เต็มที่ เก้าอี้ผู้บริหารจำนวนมากได้รับการออกแบบให้นั่งได้ครั้งละแปดชั่วโมงขึ้นไป โดยทั่วไปแล้วจะเป็นเก้าอี้สำนักงานที่แพงที่สุดหนึ่งในนักประดิษฐ์ที่รู้จักกันเร็วที่สุดในการสร้างเก้าอี้สำนักงานสมัยใหม่คือนักธรรมชาติวิทยาCharles Darwin ซึ่งวางล้อไว้บนเก้าอี้ในการศึกษาของเขาเพื่อที่เขาจะได้ดูตัวอย่างได้เร็วขึ้น  ด้วยการถือกำเนิดของการขนส่งทางรางในช่วงกลางศตวรรษที่ 19 ธุรกิจต่าง ๆ เริ่มขยายตัวไปไกลกว่ารูปแบบธุรกิจครอบครัวแบบดั้งเดิมโดยไม่ได้เน้นที่การบริหารเพียงเล็กน้อย เจ้าหน้าที่ธุรการเพิ่มเติมจำเป็นต้องติดตามคำสั่งซื้อ การทำบัญชีและการติดต่อโต้ตอบเมื่อธุรกิจขยายพื้นที่ให้บริการ ในขณะที่งานในสำนักงานกำลังขยายตัว ความตระหนักรู้เกี่ยวกับสภาพแวดล้อมในสำนักงาน เทคโนโลยี และอุปกรณ์ได้กลายเป็นส่วนหนึ่งของวัฒนธรรมที่มุ่งเน้นในการเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน ความตระหนักนี้ก่อให้เกิดเก้าอี้ที่ออกแบบมาโดยเฉพาะสำหรับพนักงานธุรการใหม่เหล่านี้: เก้าอี้สำนักงาน สิ่งนี้ดึงดูดความสนใจของOtto von Bismarckผู้ซึ่งได้รับการยกย่องว่าเป็นผู้เผยแพร่เก้าอี้สำนักงานให้เป็นที่รู้จักโดยแจกจ่ายไปทั่วรัฐสภาในช่วงเวลาที่เขาดำรงตำแหน่ง Thomas E. Warren นักประดิษฐ์ชาวอเมริกัน (เกิดปี 1808) เป็นผู้ออกแบบเก้าอี้ Centripetal Spring Armchair ในปี 1849 ซึ่งผลิตโดย American Chair Company ในเมืองทรอย รัฐนิวยอร์ก มันถูกนำเสนอครั้งแรกที่ 1851 Great Exhibition ในลอนดอน  ประมาณปี พ.ศ. 2393 เมื่อกลุ่มวิศวกรในสหรัฐอเมริกาเริ่มศึกษาว่าเก้าอี้สามารถปรับปรุงสุขภาพ และการผ่อนคลายได้อย่างไรโดยเน้นที่ท่าทางและการเคลื่อนไหว

เก้าอี้ผู้บริหาร เเละเก้าอี้สำนักงานได้รับการออกแบบอย่างมีกลยุทธ์เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของพนักงานธุรการโดยทำให้พวกเขายังคงนั่งอยู่ที่โต๊ะทำงานเป็นเวลานาน เก้าอี้หมุนพร้อมล้อเลื่อนช่วยให้พนักงานสามารถนั่งได้และเข้าถึงสถานที่ต่าง ๆ ภายในพื้นที่ทำงาน ช่วยลดเวลาและพลังงานที่ใช้ในการยืน เบาะนั่งแบบไม้ได้รับการออกแบบให้พอดีและรองรับร่างกายของพนักงานที่นั่ง ส่วนพนักพิงและที่วางแขนไม้ระแนงให้การสนับสนุนเพิ่มเติมเพื่อเพิ่มความสบายให้กับพนักงาน เช่นเดียวกับเก้าอี้สมัยใหม่ หลายรุ่นเหล่านี้สามารถปรับได้เล็กน้อยเพื่อให้มีความสบายสูงสุดและทำให้มีเวลาทำงานสูงสุด

ถ้าพูดถึงเรื่องของเฟอร์นิเจอร์ ก็ถือว่าเป็นสิ่งที่ทุกบ้านทุกที่ต้องมีในการตบแต่งหรือใช้ในการอำนวยความสะดวกที่อยู่ภายในบ้าน  โดยทุกวันนี้ประชากรบนโลกมีสูงถึง 67 ล้านคน ในข้อมูลปี 2536 และการเป็นอยู่ในที่ต้องจำกัดในการใช้ชีวิตภายในบ้าน โดยทุกวันนี้ภายในประเทศต่างก็ใช้พื้นที่ใช้สอยในบ้านเรือนอย่างคุ้มค่า โดยสมาร์ทเฟอร์นิเจอร์ก็เป็นส่วนหนึ่งในการช่วยให้เกิดพื้นที่ใช้สอยที่มากขึ้น  อีกอย่างส่วนใหญ่สมาร์ทเฟอร์นิเจอร์จะมีฟังก์ชันที่หลากหลายอย่างคำที่ว่า “2 IN 1”

นวัตกรรมของสมาร์ทเฟอร์นิเจอร์ที่เห็นกันตามบ้านเรือนหรืออาจจะเป็นคอนโดที่ขึ้นตามสถานที่ต่าง ๆ และที่เห็นได้ว่ามีพื้นที่ในการใช้สอยที่น้อยลงต่างจากบ้านพักอาศัยที่เป็นหลังคาเรือนจึงทำให้สถาปนิกต่าง ๆ ก็ออกแบบห้องห้องนึงให้มีขนาดที่พอเหมาะแล้วออกแบบเฟอร์นิเจอร์ให้มีความหลากหลายแล้วสะดวกสบายในการใช้สอย เช่น เตียงอเนกประสงค์  โต๊ะพับ เก้าอี้พับ หรือโซฟาไฟฟ้า โดยทุกวันนี้เราอยู่ในยุคที่มีเทคโนโลยีต่าง ๆ มาครอบคลุมรวมไปถึง สิ่งที่นำมาตบแต่งบ้านเรือน จากไลฟ์สไตล์ของคนในปัจจุบันจะเน้นไปที่ชอบความสะดวกสบาย โดยมีการใช้ชีวิตที่เร่งรีบ สิ่งใดที่สามารถอำนวยความสะดวกได้และสามารถนำมาแข่งกับเวลาได้จะเป็นสิ่งที่ดี

“สมาร์ทเฟอร์นิเจอร์ กับ เฟอร์นิเจอร์” ถ้าหากถามว่าสองสิ่งนี้มีความแตกต่างกันอย่างไรบอกว่าเลยว่าน้อยมากในส่วนของรูปร่างและหน้าตา แต่ถ้าหากว่าถามถึงหลักการการทำงานของสองอย่างนี้บอกเลยว่าแตกต่างกันมาก เนื่องจากสมาร์ทเฟอร์นิเจอร์เป็นการออกแบบให้มีลักษณะการทำงานที่พิเศษกว่าเดิมให้สะดวกและกะทัดรัดที่สุดเพื่อที่จะประหยัดพื้นที่ในการใช้สอยให้มากที่สุดต่างจากเฟอร์นิเจอร์ธรรมดาที่ใช้กันทั่วไป ยกตัวอย่างเช่น สมาร์ทเฟอร์นิเจอร์เป็นโต๊ะหนึ่งตัวสามารถแยกออกเป็นเตียง เก้าอี้ หรือทำให้เป็นโต๊ะที่กว้างขึ้นกว่าเดิมก็ได้ การออกแบบสมาร์ทเฟอร์นิเจอร์จะมีความซับซ้อนกว่าเฟอร์นิเจอร์ทั่ว ๆ ไปโดยจะเห็นจากประโชน์ของการใช้งาน

ข้อดีข้อเสีย ระหว่าง สมาร์ทเฟอร์นิเจอร์ กับ เฟอร์นิเจอร์

เฟอร์นิเจอร์

ข้อดี : ราคาถูก หาซื้อง่ายในร้านขายเฟอร์นิเจอร์ต่าง ๆ

ข้อเสีย : ใช้พื้นที่ในการใช้งานเยอะ ใช้สอยประโยชน์ได้แค่สิ่งเดียว

สมาร์ท เฟอร์นิเจอร์

ข้อดี : ประหยัดพื้นที่ในการใช้สอย สมาร์ท เฟอร์นิเจอร์หนึ่งชิ้นจะการทำงานที่มากกว่าหนึ่งอย่าง

ข้อเสีย : มีราคาแพง

จะเห็นได้ว่าความต้องการในเรื่องของที่อยู่อาศัยนั้น ยังคงเป็นความต้องการของผู้คนมากมายที่ต้องการจะเลือกซื้อ โดยเฉพาะผู้คนที่ต่างหาที่อยู่อาศัยที่อยู่ภายในตัวเมือง ที่สามารถสะดวกในการเดินทางไปในที่ต่าง ๆ และเนื่องจากผู้คนมากมายต่างก็อยากย้ายเข้าสู่ตัวเมืองเพื่อความสะดวกสบายทำให้มีพื้นที่ในการสร้างพื้นที่ที่อยู่อาศัยลดน้อยลง ทำให้ผู้คนส่วนเหล่านี้นั้นต่างก็จะเริ่มอยู่ในพื้นที่ที่มีพื้นที่ใช้สอยลดลง คือ คอนโดมิเนียม การอยู่คอนโดพื้นที่ส่วนใหญ่จะมีขนาดที่จำกัดแต่ที่ผู้คนส่วนใหญ่เลือกที่จะอาศัยอยู่ในคอนโด เพราะเนื่องจากการดูแลและมีพื้นที่ในส่วนกลางต่าง ๆ เช่น สระว่ายน้ำ ฟิตเนส การรักษาความปลอดภัยภายใน โดยการที่จะอยู่คอนโดจะต้องอาศัยการออกแบบที่ประหยัดพื้นที่และมีความลงตัวกับขนาดห้อง โดยทั่วไปสถาปนิกจะออกแบบโดยใช้เฟอร์นิเจอร์มาช่วยในการแระหยัดพื้นที่ในตัวห้อง ทำให้มีพื้นที่เพิ่มขึ้น และด้วยการพัฒนาทั้งเรื่องของระบบเทคโนโลยี รวมไปถึงภาพลักษณ์ภายนอกของงานออกแบบ จึงช่วยผสมผสานให้สมาร์ท เฟอร์นิเจอร์เป็นเฟอร์นิเจอร์ที่สามารถนำเข้าไปใช้งานตกแต่งได้ในทุก ๆ สไตล์โดยเลือกให้เหมาะกับตนเอง

[/vc_column_text][/vc_column][/vc_row]